การเลือกใช้ บริการขนส่งสินค้า ควรเลือกรถที่มีขนาดเหมาะสมกับสินค้าในธุรกิจนั้นๆ และสามารถรับน้ำหนักของสินค้าที่เรามีได้ นอกจากจะเป็นการประหยัดต้นทุนของธุรกิจในด้านการขนส่งแล้ว ยังสามารถจัดส่งสินค้า ให้ไปถึงมือผู้บริโภคได้อย่างปลอดภัย ไม่ชำรุดเสียหาย อีกทั้งยังเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการเดินทางไปส่งสินค้าในบางพื้นที่อีกด้วย เนื่องจากสามารถคำนวนและบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพจะเห็นได้ว่าการขนส่งในบ้านเราส่วนใหญ่มักจะนิยมขนส่งด้วยรถเทรลเลอร์ ขนส่งโดยการบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ให้เห็นเต็มท้องถนน และหลายคนคงเคยเห็นหางรถบรรทุกที่มีขนาดต่ำกว่าปกติวิ่งบนท้องถนนเป็นจำนวนไม่น้อย
อาจจะสงสัยว่าหางประเภทนี้เรียกว่าอะไร ทำไมถึงต้องใช้หางประเภทนี้ หางประเภทนี้ต่างจากหางปกติอย่างไร ซึ่งหางที่มีลักษณะต่ำกว่าปกตินี้ เราจะเรียกว่า “ หางลากโลว์เบด (LOW BED)” คือ หางลากที่มีลักษณะพื้นเรียบคล้ายกับ หางพื้นเรียบ แต่ตัวพื้นจะมีโครงสร้างลักษณะต่ำกว่าหางลากกึ่งพ่วงแบบอื่นๆมีฐานของพ่วงต่ำ เหมาะสำหรับ
ใช้งานกับงานที่พื้นที่ถูกจำกัดด้านความสูง ซึ่งมีความสูงต่ำมากเมื่อเทียบกับพ่วงลากประเภทอื่น ด้วยระยะต่ำกว่า เหมาะสำหรับใช้บรรทุกรถเครื่องจักรกลหนัก หรือ เครื่องจักรกลขนาดใหญ่ หรืออาจเป็นสินค้าที่มีขนาดใหญ่เกินกว่าที่จะใส่ในตู้คอนเทนเนอร์ หรืออาจบรรทุกพวก รถแบคโฮ หรือ รถเครน ที่ใช้ในการก่อสร้างซึ่งประโยชน์คือสามารถเคลื่อนย้ายสิ่งของที่มีความสูงกำจัด วิ่งบนทางหลวงที่จำกัดความสูง ซึ่งผู้ผลิตคงเล็งเห็นความสำคัญของทุกกลุ่มลูกค้า โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้งานสำหรับบรรทุกสิ่งของที่มีขนาดใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายในการขนส่ง ซึ่งหากเราใช้หางเทรลเลอร์ที่มีความสูงปกติขนส่งสินค้าประเภทที่มีความสูงเกินความปกติอาจทำให้เกิดความเสียหายได้ เช่น สินค้าอาจจะไปชนกับสะพานลอย เป็นต้น โดยส่วนใหญ่สินค้าที่มีความสูงก็มักจะมีน้ำหนักที่เยอะกว่าปกติจึงจำเป็นต้องใช้รถบรรทุกที่มีสรรถนะสูงเพื่อรองรับสินค้าที่มีน้ำหนักค่อนข้างมาก โครงสร้างรถประเภทนี้จึงต้องมีความแข็งแกร่งและทนทานต่อการใช้งาน และเนื่องจากพื้นที่ถูกออกแบบมาให้ต่ำซึ่งจะทำให้สามารถเคลื่อนย้ายสินค้าขนาดใหญ่ได้อย่างปลอดภัย โดยทั่วไปแล้วรถพ่วงแบบพื้นต่ำ (Lowbed) จะมีราคาที่สูงกว่าหางรถบรรทุกทั่วๆไป รวมถึงราคาค่าขนส่งในการบรรทุกสินค้าที่หากใช้หาง LOW BED ราคาค่าขนส่งอาจจะเพิ่งไปอีก 2-3 เท่าตัว
ดังนั้นการเลือกหางให้เหมาะกับการใช้งานผู้ประกอบการต้องคำนวณจากปัจจัยหลายๆอย่างโดยเฉพาะน้ำหนัก ประเภทและขนาดของสินค้า โดยต้องคำนึงถึงความปลอดภัยและความถูกต้องจึงจะทำให้การขนส่งสินค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด